ความในใจต่อหนังไทย Suck Seed (By Dr.Pop)
**บทความนี้ไม่ใช่การวิจารณ์หนัง แต่เป็นความเห็นส่วนตัว
คุณสามารถเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่โปรดแสดงความเห็นอย่างสุภาพ ขอบคุณครับ**
ป๊อบได้มีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2011 ณ GTH ก่อนวันฉายเกือบอาทิตย์
และนี่คือความรู้สึกทั้งหมดที่อยากบอก ในฐานะคนดูหนังเรื่องหนึ่ง และไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด
ขณะ ที่หนังเรื่องหลายๆ เรื่องช่วงมีนาคมเน้นธีมความรักกระจาย แต่ SuckSeed ภายใต้การกำกับของ คุณหมู ชยนพ บุญประกอบ กลับเลือกจะสื่อความรักที่ผสมความเป็นวงดนตรีวัยรุ่น ตั้งแต่เริ่มเรื่องยัน จบเรื่อง คุณจะได้เห็นมุขตลกแบบวัยรุ่น ที่ตลกแบบไม่เสแสร้ง ไม่ยัดเยียด ไม่ฝืนใจคนดู เรียกว่าเป็น “ตลกธรรมชาติ” ซึ่งเรียกเสียงฮาได้ลั่นโรงตามแบบฉบับของหนัง GTH มันมีความตลกทั้งจากบทของมัน จากเสียงประกอบ และที่สำคัญคือมุขตลกจากการกระทำของ ตัวละคร Suckseed เป็นหนังที่เล่นจังหวะกับมุขตลกได้ลงตัวมาก จนทำให้กลายเป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกดีได้ตลอดทั้งเรื่อง
การเสนอมุมมองเรื่องความรักของหนังเรื่องนี้ เน้นไปที่การ “แอบรัก”
คุณจะได้เห็นคนที่แอบรัก แต่ไม่กล้าบอกรัก
คนที่แอบรัก แล้วกล้าทำทุกอย่างเพื่อความรักแบบโจ่งแจ้ง
และคุณที่แอบรัก กล้าทำทุกอย่าง แต่ในมุมลับๆ
ซึ่งรักแบบไหนจะสมหวัง ก็คงต้องตามไปลุ้นกัน
แต่ใจความสำคัญของหนัง คือความรักแบบ “เพื่อน” มากกว่า
ป๊อบเชื่อว่าทุกคนเคยมีกลุ่มเพื่อน และเพื่อนในบางกลุ่มก็แตกต่างจนงงว่าคบกันไปได้ยังไง
ขณะที่คนหนึ่งอยากทำอย่างหนึ่งตลอดเวลา อีกคนแม้ไม่อยากทำแต่ก็ยอมๆ เพื่อนไป
ขณะที่คนหนึ่งพูดทุกสิ่งที่เขาคิด อีกคนกลับคิดทุกสิ่งแต่ไม่กล้าพุด
ขณะที่คนหนึ่งเสียใจ แล้วพูดทุกอย่าง อีกคนกลับเลือกจะเก็บความเสียใจ เพื่อไม่ให้ใครรับรู้
แต่ ไม่ว่าพวกเขาจะแตกต่างกันแค่ไหน ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยินดีจะเคียงข้างกัน กอดคอเคียงบ่าเคียงไหล่กันในวันที่ยากลำบาก และหนังเรื่องนี้ได้พิสูจน์ให้ ทุกคนเห็นว่า “มิตรภาพมันยิ่งใหญ่ แม้ว่าจะต่างคนต่างแยกจากกันไป แต่จะมีสิ่งหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวมิตรภาพเข้าไว้ด้วยกัน” ซึ่งในที่นี้ก็หมายถึง เสียงเพลง
การ เลือกจะเล่นกับความเป็นวงดนตรีวัยรุ่น ถือเป็นความท้าทายที่น่าจับตามอง เพราะหากคุณเคยมีวงดนตรี คุณจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างกับการมีวงดนตรี บางทีสมาชิกบางคนอยากซ้อม แต่อีกคนไม่อยากซ้อม บางทีซ้อมแต่ต่างคนก็ต่างโชว์พาวจนไม่เป็นอันซ้อม สมาชิกบางคนไม่มีเวลาซ้อม สมาชิกบางคนจริงจังจนเห็นเรื่องผิดพลาดเล็กๆ ในวงเป็นเรื่องใหญ่ สมาชิกบางคนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับดนตรีแต่ไม่มีอำนาจพอจะคุมวงได้
แต่จะมีสักกี่วงที่รวมกันตัวเป็นวงดนตรีที่ดีได้?
แล้วจะมีสักกี่วงที่เดินไปสู่ความสำเร็จที่พวกเขาวาดฝันได้?
Suckseed สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับวงดนตรีวัยรุ่นทุกวง และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับวัยรุ่นที่อยากจะมีวงดนตรีแต่ยังไม่มี ตัวหนังแสดงให้เห็นถึงการซ้อมอย่างหนัก การทุ่มเทในการแต่งเพลง การตั้งเป้าหมาย การกอดคอไปสู่ความฝัน ประเด็นที่น่าสนใจการสร้างวงของเหล่าตัวเอกก็คือ
“พวกเขารู้ว่าตัวเองเป็นพวกห่วย แต่เขายินดีจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาเจ๋งกว่าที่ใครๆ คิด”
พวก เขาไม่ใช่พวกขี้แพ้ที่ห่วยแล้วห่วยเลย ไม่ใช่คนประเภทที่ได้ดีเท่าคนอื่นไม่ได้ ก็เลยปล่อยโอกาสทุกอย่างให้หลุดไปไม่สนใจจะใฝ่ดี พวกเขาไม่ได้เป็นจุดสนใจของสังคม แต่ต้องการจะโดดเด่นเพื่อหาที่ยืนในสังคม โดยส่วนตัวป๊อบคิดว่าความห่วยไม่ใช่เรื่องผิด แต่คุณจะผิดก็ต่อเมื่อจมกับความห่วยนั้น โดยไม่พยายมทำอะไรให้ตัวเองดีขึ้น
โลกนี้ไม่มีใครเจ๋งตั้งแต่แรก ทุกคนต้องเคยห่วยด้วยกันทั้งนั้น
แต่คนที่พังทลายความห่วยของตัวเองได้ ก็คือคนที่ตั้งใจจะเป็นอะไรดีๆ สักอย่าง และทำมันให้สุด
เพราะพวกเขาเชื่อว่าเมล็ดพันธุ์ห่วยๆ ถ้าถูกรดด้วยความตั้งใจ ความเอาจริงเอาจังและความหวัง
มันก็พร้อมจะเติบโตเป็นต้นไม้ที่แข็งแกร่ง โดดเด่นท่ามกลางผืนป่าที่แน่นขนัดได้เช่นกัน
Suckseed สอนให้คุณรู้ว่า “กุญแจสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่ ก็คือเพื่อนๆ ของคุณนั่นเอง”
หากคุณจะมีเพื่อนร่วมทางบนความฝัน ลองถามตัวเองซิว่า
“คุณเชื่อใจเขาแค่ไหน?”
“คุณเข้าใจเขา เวลาเขาเงียบไหม?”
“คุณรับรู้สิ่งที่เขาต้องการจะบอกผ่านท่าทางและสายตาหรือเปล่า?”
“คุณพร้อมจะสุข จะทุกข์ จะซวย ไปกับเขาในทุกสถานการณ์หรือไม่?”
“คุณรับได้ไหมบางเวลาที่เขาร้าย หรือ เอาแน่เอานอนไม่ได้”
“คุณดีแต่บอกความต้องการของตัวคุณ โดยไม่สนใจความต้องการของเขาหรือเปล่า?”
และสุดท้าย
“คุณให้อภัยเพื่อนคุณได้ไหม หากเขาทำผิด”
การ ให้อภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดหากคุณคิดจะมีเพื่อนบนความฝัน เพราะบางครั้งอีโก้ที่มากเกินไป อาจทำให้คุณเสียใจภายหลัง บางทีประโยคที่ว่า “กูยอมมึงไม่ได้” หรือ “มึงมันเลวเพราะไม่ได้ดั่งใจกู” หรือ “ไปไกลๆ กูเลย” เป็นคำที่โหดร้าย ก่อนจะพูดประโยคนี้ออกไป ลองคิดก่อนดีไหมว่ามันจะทำร้ายจิตใจเพื่อนคุณแค่ไหน ก่อนจะพูดมันออกไป ลองคิดย้อมกลับไปดูซิว่าเพื่อนคุณเคยยอมคุณมาเยอะแค่ไหน
เพราะมิตรภาพนั้นยิ่งใหญ่ แต่มันก็พังทลายได้ เพราะอีโก้ที่สูงเกินไปจริงๆ
SuckSeed อาจไม่ใช่หนังที่ดูแล้วน้ำตารินไหลเป็นสายน้ำแบบหนังรักหลายๆ เรื่อง
แต่ ที่ป๊อบมั่นใจคือ มันจะเป็นหนังที่สร้างแรงบันดาลใจได้ยิ่งใหญ่ เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ทำให้คุณรักเพื่อนขึ้นกว่าเดิมเยอะ เป็นหนังที่แสดง ให้เห็นความสวยงามของมิตรภาพ ทำให้คุณถามตัวเองว่า “คุณจะยอมเสียสละเพื่อให้เพื่อนมีความสุขหรือไม่” และ “มิตรภาพของคุณกับเพื่อนมันยิ่งใหญ่แค่ไหน?” เมื่อดูหนังเรื่องจบ คุณจะประทับใจ ซึ้งใจ อิ่มเอมใจ และมีแรงบันดาลใจ
โดยเฉพาะกับวัยรุ่น วัยเรียน
ป๊อบอยากบอกพวกคุณว่า “ช่วงชีวิตที่ดีที่สุดและสนุกที่สุดของหลายคนคือช่วงมัธยม”
มันเป็นช่วงที่มีสีสัน มีพลังเปี่ยมล้น และได้ใกล้ชิดกับเพื่อนมากที่สุดกว่าช่วงเวลาไหน
แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่สั้นที่สุดจนน่าใจหาย ลองถามตัวเองซิว่า
คุณรู้จักตัวเองดีหรือยัง?
คุณพร้อมจะวิ่งตามฝันแล้วหรือไม่?
คุณใช้มันเต็มที่แล้วหรือยัง
และท้ายที่สุด ถามตัวเองว่า “คุณมีเพื่อนแท้กับเขาสักคนบ้างหรือยัง?”
และสิ่งหนึ่งที่ป๊อบสรุปได้จากการดู Sukcseed แล้ว 2 รอบก็คือ
“Suckseed ห่วยขั้นเทพ เป็นหนังที่ดีที่ซี๊ดขั้นเทพ
และเป็นหนึ่งในหนังรักวัยรุ่นที่เพอร์เฟคที่สุดเรื่องหนึ่งของไทย”
ขอบคุณผู้กำักับ ทีมงาน นักแสดง ทุกท่านที่ทำให้หนังเรื่องนี้กำเนิดขึ้นมา
และขอบคุณคำว่า “เพื่อน” ที่ทำให้ป๊อบดูหนังเรื่องนี้แล้วซึ้งใจเหลือเกิน
** ถ้าชอบ อย่าลืม กด Like และ Share เป็นกำลังใจให้หนังไทยดีๆ ด้วยนะครับ **
ที่มา
http://www.facebook.com/notes/drpop/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-suck-seed-%E0%B8%BA%E0%B8%B1by-drpop/10150171806804369