เอ… เพิ่งสังเกตแฮะ (ว่าด้วยเรื่อง default size picture ใน facebook)

เอ? เพิ่งสังเกตแฮะ
(default size) http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/s720x720/xxx_xxx_xxx_xxx_xxx_n.jpg >> คลิกขวาที่รูป > เปิดในแท็บใหม่
ปรกติค่า default size จะเป็น 720×720 (หรือขนาดอื่นๆ)
แต่ถ้าเอา size ใน url ออกจะได้ขนาดที่ใหญ่กว่า
-_-
http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/xxx_xxx_xxx_xxx_xxx_n.jpg

ตัวอย่างครับ

open image in newtab
http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/s720x720/563921_2962027698374_1732686260_n.jpg

แบบนี้เอา size ตรง url ออก จะเห็นว่ารูปมันใหญ่กว่าเดิม -_- (แต่ไม่ได้ใหญ่ที่สุด ถ้ารูป original ต้อง copy link ตรง download แล้วลบตรง xxx_o.jpg?dl=1 ออก จะได้เป็น xxx_o.jpg)

ดู SocialCam ยังไง ไม่ให้โชว์ในเฟส

ที่มา : http://www.facebook.com/photo.php?fbid=3039939486120
เขียนลงเฟสตั้งแต่ 19 เมษาและ แต่เพิ่งอัพลง Blog – -”

ััผมว่านะ ตอนนี้มีหลายๆคนเข้าใจผิดคิดว่าแอพนี้เป็นไวรัส แต่สำหรับผม ผมว่ามันไม่ใช่นะ!
ตรง permission มันก็ดึงแค่
– Your basic info
– Your e-mail address (…@….com)
– Videos shared with you

แต่ประเด็นสำคัญ และผู้ใช้ app ละเลยไป ผมว่ามันอยูาที่ตรงนี้มากกว่านะ :)
“This app may post on your behalf, including videos you watched, people you followed and more.”

อันนี้แปลโดย Google
“app นี้สามารถโพสต์ในนามของคุณรวมถึงวิดีโอที่คุณดูคนที่คุณตามและอื่น ๆ ”

ตอนแรกเองผมด็คิดว่าไวรัสเหมือนกันนะ ผมก็เลยลองเล่นดูบ้างปรากฎว่ามันไม่ใช่ เพราะอย่างที่ผมเขียนก็คือมันบอกเราล่วงหน้าแล้วว่ามันจะทำการโพสว่าเราดูอะไรมา แต่ user มักจะไม่สนใจในส่วนนี้ ประมาณว่ามีอะไรมากูก็เล่นหมด
แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้ได้นะว่าใครหื่นไม่หื่น เพราะมันไม่ได้โพสมั่วๆ เราดูคลิปไหนมามันก็โพสว่าเราดูคลิปนั้น 5555

วิธีแก้ง่ายๆก็คือตั้งให้เป็น Only Me ซะ
**ถ้าใครเคย allow app ไปแล้ว ก็เข้าไปที่
http://www.facebook.com/settings/?tab=applications
แล้วไปตั้งค่าตรง Posts on my behalf

อ้อลืมบอก จริงๆแล้วมันใช้ได้กับทุก app แหละครับ ไม่ว่าจะ SocialCam , Metaacafe , Zapkolik หรืออื่นๆ
หรืออีกวิธีเข้าไปแก้ที่ http://socialcam.com/account

แล้วติ๊กออกให้หมดตรง Auto sharing ครับ

อ่านสักนิด ก่อนคิดใช้ app ^^”

ประสบความสำเร็จ แค่ “ขยัน” และ “ตั้งใจ” เท่านี้จริงๆหรือ ? (แก้จากอยากเก่ง พอดีลื่อความหมายผิดไปนิด)

เมื่อก่อนเคยคิดนะว่าคนเราจะเก่งอะไร แต่ขยันตั้งใจก็พอแล้ว
แต่มาตอนนี้มันไม่ใช่และว่ะ
ใครที่บอกแค่ขยัน ตั้งใจก็เก่งได้ กุขอเถียง!!
พูดตรงๆนะ ถ้าแม่งอยากเก่งจริงๆ นอกจากขยัน+ตั้งใจแล้ว อีกอย่างนึงก็คือ “โอกาส”
เรื่อง “ฐานะ” แม่งก็เกี่ยวนะ ถึงแม่งจะดูไม่ค่อยเกี่ยวกันก็เหอะ
ลองคิดดู ถึงจะโคตรหัวดี แต่ถ้าบ้านจน มึงก็หมดสิทธิ!
ผมแม่งยังเคยอิจฉาเด็กสมัยนี้เลย บางบ้าน 3 ขวบก็มีคอมใช้และ
ส่วนผมกว่าจะมีก็จะจบ ม.3 และ
ผมแม่งโคตรสงสัยเลยนะว่าทำไมบางคนโอกาสมีมาหามากมาย แต่แม่งไม่เคยคิดที่จะไขว่คว้า
ผิดกับบางคนที่พยายามไขว่คว้าทุกหนทาง แต่กลับไม่มีโอกาส…
ประเทศไทยบอกตรงๆ แต่ละคนอีโก้แม่งเยอะ
ไอ้พวกบ้านรวยแม่งก็ชอบดูถูกคนต่ำต้อยกว่า
สังคมไทยแม่งชักจะต่ำลงทุกวัน!

#Twitter @sornram9254

 

ปล. หลังจากโดนด่า เอ๊ยย โดนหลายๆท่านในฟันดริ๊ฟฟฟชี้นำมา เลยมาขยายความอีกนิด

ผมไม่ได้บอกนะว่าความเก่งซื้อได้ด้วยเงิน ผมแค่สื่อว่า เรื่องฐานะมันทำให้เราเจริญก้าวหน้าได้ไวกว่าเท่านั้นเอง

จริงๆแล้วกระทู้นี้ผม "ไม่ได้บ่นน้อยใจตัวเอง" เพราะผมเองก็ไม่มีอะไรให้น้อยใจ ที่มีอยู่ก็พอใจอยู่แล้ว :)

ผมเองก็อาจมองโลกแคบไปจริงๆ มีอีกหลายๆอย่างที่ผมยังไม่รู้และไม่เคยเจอ

และตรง "ลองคิดดู ถึงจะโคตรหัวดี แต่ถ้าบ้านจน ก็หมดสิทธิ!" ไม่ได้สื่อว่าถ้าจนจะหมดสิทธิจริงๆ (ผมเองคงสื่อไม่ชัดเจน ก็ขออภัยด้วย) อย่างที่บางท่านบอก จนก็ก้าวหน้าได้ แต่อาจจะนาน

อีกอย่างตอนผมพิมพ์นี่เพราะในตอนนี้โดนคนบางคนมาด่าและดูถูกครับ อาจใช้อารมณ์ตอนพิมพ์มากไปหน่อย
ตอนท้ายผมถึงบอกไงครับว่า
พวกบ้านรวยก็ชอบดูถูกคนต่ำต้อยกว่า
ผมว่าสังคมไทยเป็นแบบนี้จริงๆนะ (แต่ก็ไม่ได้เป็นทั้งหมด)

"ผมยอมรับนะว่าผมมองโลกแคบไปจริงๆ"
ที่ผมบอกแบบนี้ เพราะตั้งแต่ผมเรียนมาเเจอหลายๆคนและที่ไกล้ตัวคือเพื่อนผมหลายๆคน:-)โคตรขยันเลยนะ เวลาว่างมันก็หาข้อมูลตลอด แต่มันกลับไม่มีโอกาสเลย เพราะบ้านจน+ไม่มีคอม
ตั้งแต่ปี 1 ยังปี 3 มันยังเขียนโปรแกรม + ซ่อมคอมไม่ได้เลย(แต่ทฤษฎี:-)เป๊ะมาก) เรียนจบก็ไปเรียนต่อไม่ได้ เพราะฐานะไม่ดีไม่มีโอกาสเรียนต่อ - -"
แต่นับถือมันก็คือ ถึงไม่ได้เรียนต่อแต่มันก็พยายามทำงานเก็บเงินไว้สานฝันตัวเอง
ปล. ใครจะด่าผมก็ได้นะว่าผมมองโลกแคบ ผมยอมรับ -_-

แต่ก็หน้าแตกนิดหน่อย จะสื่อถึงการประสบความสำเร็จ ดันเขียนเป็น เก่ง ซะนี่
เพราะความเก่งแค่ขยันและตั้งใจก็พอแล้ว
แต่ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องมีแบบที่ผมบอกแหละครับ

สาเหตที่ทำให้ผมหลงใหล Perl :)

อ่าห์...
ยอดเยี่ยมจริงๆ :D
นี่แหละครับเป็นสาเหตที่ทำให้ผมหลงไหลภาษา Perl
สาเหตหลักๆก็มี 2 ประการ
1. สามารถเขียนเว็บไซต์ได้ ความสามารถไม่แพ้ php
2. สามารถใช้เขียนโปรแกรมได้ด้วย ทั้งแบบ command line และแบบ gui ซึ่งภาษาอื่นทำไม่ได้ มีไกล้เคียงหน่อยก็ php แต่ php ก็ทำได้แค่แบบ command line เท่านั้น ^^"

จบแล้วววว @เทคนิคอยุธยา

จบแล้วคร๊าบบบบ :D
ตอนเด็กๆ ผมเคยคิดไว้นะครับว่า โตขึ้น ผมอยากทำอะไรให้พ่อแม่ภูมิใจบ้าง ตอนนี้ผมก็ทำได้แล้ว คือเรียนจบ ตามที่ท่านได้หวังไว้ ^_^
ที่ผ่านมาการใช้ชีวิตเด็กช่างของผม ผ่านเรื่องเสี่ยงๆมาเยอะพอควร แต่ส่วนมากจะเจอตอนฝึกงาน TT"
‎1. ตอนอยู่ปี1 เมื่อสงกรานต์ ปี53 โดนต่อยที่เจ้าพรหม -0-*
2. กลางปีที่แล้วเจอเกรียนเทคโนรามหก กร่างใส่บนรถเมย์สาย 203 (พ่อง!)
‎3. สิงหาปีที่แล้ว กรุงเทพช่าง vs ศรีวัฒนา ที่รุมสะกำรถเมย์ กุก็อยู่แถวนั่น -0-*
4. และอีกมากมาย -0-*

แต่สิ่งสำคัญสุดคือ ไม่ว่าจะเกิดอะไร ควรหลบหลีกให้เป็น
"หนี" ไม่ใช่ว่าจะ "เสียศักดิ์ศรี" แต่มันเป็นการรักษาชีวิตและทรัพย์สินของเราไว้!

มีคนถามมาหลังไมค์ เลยเอามาบอก ^^"
การนับรุ่น วท.อย. อย่างของผมเข้าปี 2552
-นับปีที่ก่อตั้ง 2481
รุ่น 72
-นับปีที่ก่อตั้งเป็น ว. 2523
รุ่น 30

ว่ากันด้วยเรื่อง “Add Friend” บนโลก Social Network ^^”

มีเพื่อนใน social เยอะใช่ว่าจะดีนะ แน่นอนคือความเป็นส่วนตัว คิดดูนะ ใน 1000คน เรารู้จักจริงๆกี่คน ถึง 5% หรือเปล่า? Add Friend อย่างมีสติ (:

และเคยคิดกันไหมว่า ใน friend list เรา มีแต่เพื่อนที่ประสงค์ดีต่อเราทั้งนั้นจริงหรือ ไม่ได้มีใครแอดมาเพื่อส่อง เพื่อหาข้อมูลบางอย่างแน่หรือ ?

Social Network = ดาบ 2 คม หลายครั้งคนได้ดีก็เพราะ SocialNetwork และหลายครั้ง อนาคตดับก็เพราะ SocialNetwork นี่แหละ

#มีสติก่อน post & comment ^^”

ที่มา : Twittwr Sornram9254

ใกล้จบแล้ววววววว! @เทคนิคอยุธยา

ใกล้วจบแล้วววววว! ดีใจจัง :D

ผ่านมา 3 ปีแล้ว ที่ผมได้เข้ามาเรียน เป็นนักเรียนของวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา หรือที่หลายๆคนเรียกว่า “เทคนิคกรุงเก่า” หรือ “เทคนิคพระนคร” รู้สึกภูมิใจมากครับ ที่ได้เป็นศิษย์สถาบันนี้

 ผมยังจำวันแรกได้ดีที่เข้ามาสมัครเรียนที่นี่ คุณนึกดูนะว่าตอนนั้นเด็กจนๆ เรียนก็ไม่ได้เก่งอย่างผม เกรดตอนนั้นแค่ 2.9 กว่าๆเอง สอบติดที่นี่ได้มันดีใจมากแค่ไหน  :)

จากเด็กขาสั้น ได้เปลี่ยนเป็นมาใส่ขายาว :D

สิ่งที่ผมดีใจและประทับใจมากที่สุดก็คือ  ดีใจที่ได้เข้าเรียนแผนกที่ผมฝันไว้ว่าอยากเข้า นั่นก็คือ “แผนกเทคนิคคอมพิวเตอร์” ซึ่งผมเป็นรุ่นที่ 2 เพราะเป็นแผนกเพิ่งเปิดใหม่
พูดได้เต็มปากว่า เด็กเทคนิคคอม เป็นแผนกที่เด็กดีสุดเลยก็ว่าได้(รึเปล่า่ 55) เพราะรุ่นพี่แต่ละคนน่ารักมาก ดูแลเอาใจใส่น้องๆ แต่ปัจจุบันก็เริ่ม….นิดนึง เพราะนักเรียนเริ่มเยอะขึ้นแล้ว ^^


ที่นี่ ทำห้ผมได้อะไรหลายๆอย่าง ทั้งด้านวิชาความรู้ ความกล้าแสดงออก ความอดทน (และคู่อริ เกี่ยวมั๊ย 55)

แต่ก็อย่างว่านะ เด็กช่าง ย่อมต้องเจอโดนต่อยโดนตีกระบาลบ้างเป็นธรรามดา 55 ผมก็เคยโดนนะ( บ่อยด้วย ==” ) มันเลยทำให้เรารู้วิธีหลบหลีก หัดสังเกตมากขึ้น (ไม่ค่อยเกี่ยว แต่มันก็เกี่ยวนะ #เอ๊ะ ยังไง 55  – -” )

สุดท้ายก็ขอขอบคุณครูอาจารย์ทุกท่าน ที่คอยอบรมสั่งสอนพวกผมทุกคนให้มีวิชาความรู้ และขออวยพรให้เพื่อนๆทุกคนได้ที่เรียนดีๆตามที่หวังและตั้งใจไว้ ได้เข้ามหาลัยที่ไฝ่ฝันไว้ให้ได้นะ ^^
และท้ายสุดจริงๆ พี่ๆขอให้น้องๆปี 1-2 ทุกคนตั้งใจเรียนนะ ขอให้จบกันทุกคน และอย่าทำให้อาจารย์เสียใจล่ะ  :)

รักเพื่อนๆทุกคนครับ  Love Friend <3  Forever


by : sornram9254

เทคนิคพระนครศรีอยุธยา : เทคนิคคอมพิวเตอร์ รุ่น 2

อาจารย์ vs นักศึกษาต่างสถาบัน

อาจารย์บางคนเดี๋ยวนี้ก็แปลกนะ ชอบหยิ่งกับศิษย์สถาบันอื่น ผมเองก็เคยเจอมาหลายคนและ เคยสอบถามเรื่อง programming กับอาจารย์บางท่าน(อ. สถาบันอื่น) ตอนแรกก็คุยดีๆ พอทราบว่าผมเรียนที่นั่นที่นี่ แกเลิกคุยเลย แถมพูดเหน็บแนมอีก -0-*

แต่มีอาจารย์อยู่ 2 ท่านที่ผมรัก และนับถือมาก ถึงแม้ผมจะเป็นศิษย์คนละสถาบัน แต่ท่านก็ไม่เคยเกลียดหรือดูถูกอะไรผมเลย
– อ.นิมิตร เป็นอาจารย์สอนอยู่ ต่อเรือ เคยไปเรียนพิเศษกับท่าน ท่านก็สอนดีทำให้ผมจากที่โง่คณิตมาก ก็เริ่มคล่องขึ้นมานิดนึง :)
– อ.ตี้ (มั้ง ไม่รู้จักชื่อเล่น อ. ^^) เป็นอาจารย์สอนอยู่ พาณิชย์นอก ผมเคยสอบถามเรื่องเกี่ยวกับ Graphic ต่างๆ บางครั้งปรึกษาเรื่องส่วนตัวด้วย ท่านก็ให้คำแนะนำที่ดีกับผมเสมอ แม้เป็นศิษย์ต่างสถาบันก็ตาม ^^

ความจริงแล้ว ผมว่านะ มันไม่มีเส้นกั้นระหว่าง ศิษย์ กับ อาจารย์ ต่างสถาบันเลย
ถึงแม้จะอยู่คนละสถาบันกันก็ตาม ก็ถือว่าเป็น ศิษย์ เป็น อาจารย์กันได้ ^^

มาตรฐาน ครู อาจารย์ สมัยใหม่

อีกเรื่องที่อยากจะพูดก็คือ “มาตรฐาน ครู อาจารย์ สมัยใหม่”

ใครเคยสังเกตบ้างครับว่า “ครู อาจารย์” สมัยนี้ บางท่านเรียนมาเพื่อเอา “วุฒิ” จริงๆ แต่ไม่มีความสามารถในการ “สอน” ให้ศิษย์ เข้าใจได้เลย อธิบายง่ายๆก็คือ “เรียนมาอย่างไร ก็สอนออกไปแบบนั้น” ไม่มีการยืดหยุ่นเนื้อหาอะไรทั้งนั้น ไม่สนใจว่าศิษย์จะเข้าใจหรือเปล่า ไม่เคยถามอะไรทั้งนั้น…

และอาจารย์บางพวกก็ขี้เกียจจนเกินเหต ไม่เคยมีการสอนเลย สั่งแต่ให้ศิษย์ค้นหาข้อมูลกันเอง ค้นกันเข้าไปทุกคาบ ทุกอาทิตย์ ทุกเทอม แต่ไม่เคยสอนลูกศิษย์เลย แล้วแบบนี้เด็กมันจะมีความรู้ที่ถูกต้องได้อย่างไร ?

คิดหรอว่าการที่ให้ศิษย์หางานหาข้อมูลกันเอง มันจะทำกันทุกคน ? ส่วนมากมันก็ลอกๆกัน เสร็จแล้วส่ง ไม่มีการอ่าน แบบนี้เด็กมันจะมีความรู้ได้อย่างไร ?

แต่ถ้าอาจารย์มีการสอนบ้าง อย่างน้อยข้อมูลที่ท่านสอนก็ยังผ่านหูลูกศิษย์บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ ^^

อ๊ากกก! Valentine ปีนี้มีความสุขจริงๆ :D


ดอกไม้ที่ซื้อให้แฟน :)

ทุกปี ส่วนมากผมจะเป็นผู้รับ(ดอกไม้,ของขวัญ)จากคนอื่นตลอด ไม่เคยให้ดอกไม้หรือของขวัญใครเลย และอีกอย่าง ถึงวาเลนไทน์ทีไร ผมโสดทุกที 55+

ปีนี้รู้สึกผมโชคดีมากๆ เพราะได้มีคู่สมใจ ทันวัน Valentine ซักที 55+
แต่สิ่งที่ผมได้รับจากวาเลนไทน์ในปีนี้ก็คือ “การเป็นผู้ให้” ผมได้รู้แล้วจริงๆว่า การเป็น”ผู้ให้” มันมีความสุขมากกว่า “ผู้รับ” เป็นไหนๆ เพราะนอกจากเราจะมีความสุขจากการให้ผู้อื่นแล้ว เมื่อเราเห็นผู้รับมีความสุข ชอบของขวัญที่เราให้ “ผู้ให้” ยิ่งมีความสุขมากกว่า  : D

ของที่ผมให้แฟนก็ไม่ได้แพงอะไรมากนัก แต่สิ่งที่มันสำคัญยิ่งกว่าก็คือ “ผู้รับ” ชอบสิ่งของที่เราให้ ^^

“ของที่ซื้อให้ อาจไม่ได้สูงค่ามาก แต่ก็ตั้งใจซื้อให้นะ ^^”