ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึง #คหสต ล้วนๆนะครับ “ชุดนักศึกษา”

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ เด็กสายคอม

สัมมนาเรื่องสภาพปัญหาการขาดแคลนกำลังพลด้านวิชาชีพ การศึกษาไทย [ สายอาชีพ & สายสามัญ ] **ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ**

สัมมนาเรื่องสภาพปัญหาการขาดแคลนกำลังพลด้านวิชาชีพ การศึกษาไทย [ สายอาชีพ & สายสามัญ ] **ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ**
ณ. โรงแรมสตาร์ จ.ระยอง 10/01/2013

การศึกษาไทย [ สายอาชีพ & สายสามัญ ]
สัดส่วนระหว่าง สายอาชีพ : สายสามัญ
ต่างประเทศ 70 : 30
ประเทศไทย 30 : 70
** บางแห่งบอก ประเทศไทย 50 : 50
ref : thairath.co.th/content/edu/308026

หลังจากที่ผมได้มีโอกาศไปฟังสัมมนาเรื่องสภาพปัญหาการขาดแคลนกำลังพลด้านวิชาชีพ มีใจความที่ผมสะดุดใจ
และคิดว่าต้องนำมาเขียน ขยายความลง Blog ให้ได้ ก็มีประมาณนี้ครับ

– ความสำคัญ สายอาชีพ & สายสามัญ
ผมเคยเจอคนบางกลุ่มนะครับ ที่เขาพยายามเชิดชูสายของตัวเอง ให้ดูดีกว่า เก่งกว่า สำคัญกว่าสายอื่นๆ
ผมว่านะครับ ไม่ว่าจะเรียนสายอาชีพ หรือ สายสามัญ ก็มีความสำคัญกันทั้งนั้นแหละครับ เพราะไม่ว่าคนเราจะเรียนสายไหน
ทำงานสายไหน ก็ล้วนต้องพึ่งพา ช่วยเหลือกันทั้งนั้นแหละครับ
ตัวอย่างเช่น สายสามัญก็จะเชี่ยวชาญด้านการคำนวน ด้านวิชาการ
สายอาชีพ ก็เชี่ยวชาญด้านสายที่ตัวเองได้เรียนได้ศึกษามา
เพราะฉนั้น อย่าไปดูถูกกันเลยครับ “ทุกสายทุกสาขาล้วนมีความสำคัญอยู่ในตัวมันเอง” ^_^
[ ช่างพึ่งช่าง : ช่างกลึงพึ่งช่างชัก ช่างสลักพึ่งช่างเขียน ช่างรู้พึ่งช่างเรียน ช่างติเตียนไม่ต้องพึ่งใคร ]

– สาเหตุ/เหตุผลการเลือกศึกษาต่อ สายอาชีพ & สายสามัญ
มีใครเคยสังเกตบ้างใหมครับว่า ..
โรงเรียน , วิทยาลัย ต่างๆก็มีเยอะ โรงเรียนบางที่แค่อำเภอเดียวมีเป็นสิบ (แต่พวกสถาบัน , วิทยาลัยอาจน้อยหน่อย) แต่ทำไมเด็กนักเรียนก็ยังพยายามอยากที่จะเข้าไปเรียนโรงเรียนดังๆ โรงเรียนใหญ่ๆ หรือ โรงเรียนในตัวจัหวัด(ในตัวเมือง)กันนัก ?
เพราะคุณภาพสถานศึกษา เพราะคุณภาพครูอาจารย์ เพราะด้านฐานะ หรืออะไรกันแน่ ???

  • สถานที่ตั้ง
    ผมว่าตัวนี้มีส่วนมากนะครับ เพราะส่วนมากเด็กนักเรียนนักศึกษา คงไม่อยากไปเรียนโรงเรียนที่อยู่ห่างๆไกลๆ โรงเรียนเล็ก ฯลฯ แน่นอน
    อีกอย่างเหมือนเป็นแฟชั่น , สังคมนิยมด้วยนะ เพราะเด็กสมัยนี้เที่ยวเก่งนะผมว่า ><!! ยิ่งถ้าโรงเรียนอยู่ในตัวเมือง ใกล้ศูนย์การค้านี่นะ แหม่ …
    อย่างเด็กสมัยก่อน เรียนเสร็จก็กลับบ้าน เล่นกับเพื่อน เล่นน้ำ โดดยาง บลาๆ ถึงมีเที่ยว แต่ก็คงไม่เท่าเด็กสมัยนี้หรอก -_-“
  • ชื่อเสียง คุณภาพสถานศึกษา
    อันนี้ก็มีส่วนไม่แพ้กัน พ่อแม่ของเด็กนักเรียนทุกคน ก็อยากให้ลูกตัวเองได้เรียนในโรงเรียน , วิทยาลัย หรือสถาบันที่ดีๆ มีคุณภาพกันทั้งนั้น
    ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่มีผู้ปกครองบางส่วนที่ผมก็สงสารนะ บางครอบครัวบ้านก็ใช้ว่าจะรวย จะมีฐานะ แต่เพื่ออนาคตของลูก
    อยากให้ลูกได้เรียนดีๆ เรียนสูงๆ ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาส่งให้ลูกเรียนจนจบ
  • ฐานะ
    จะว่าไปทั้ง 3 ข้อก็ล้วนมีส่วนสำคัญต่อการเลือกศึกษาต่อทั้งนั้นเลยแฮะ ^^”
    ผู้ปกครองบางท่านที่มีฐานะ ก็สามารถส่งลูกเรียนสูงๆ เรียนสถาบันดีๆได้สบายๆ แต่บางท่านก็ต้องให้ลูกเรียนแค่เท่าที่พ่อแม่ท่านมีกำลังส่งเรียน
    อาจมีหลายๆท่าน ที่ฐานะไม่ค่อยดี แต่ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาส่งให้ลูกเรียนจนจบ
    “อยากให้ลูกเรียนดีๆ เรียนสูงๆเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ก็อย่าให้ตัวเราเดือดร้อน ทำแค่พอกำลังที่เรามีนะครับ”

– แนวโน้มการศึกษาต่อ/การทำงาน สายอาชีพ & สายสามัญ
แน้วโน้มหลักๆก็คงหนีไม่พ้น การเลือกเรียนในสาย , สาขาที่เราชอบ ที่เราอยากเรียน แต่จริงๆแล้ว ผมว่ามีแบ่งย่อยได้อีกนะ อย่างเช่น

  • ฐานะ (อีกแล้ว!!)
    มีผู้ปกครองหลายๆท่าน ที่ฐานะไม่ค่อยดี กลัวส่งลูกเรียนสายอาชีพไม่ไหว เพราะหลายๆสถาบัน ค่าเทอมแพงเอาการ
    ถึงลูกอยากเรียนสายอาชีพขนาดไหน ก็ต้องพยายามบังคับให้ลูกเรียนสายสามัญต่อไป
  • กระแสสังคม
    มีเด็กหลายๆคนนะที่มาเรียนสายอาชีพ เพราะเห็นว่า เรียนช่างแล้วมันเท่ว่ะ มันเก๋าว่ะ มันเจ๋งว่ะ
    มาเรียนแล้วต้องไปตีกับสถาบันอื่น อะไรแบบนีั้ โดยไม่คิดเลยว่า แท้จริงแล้ว เราชอบเรียนอะไรกันแน่ ?
    บางทีกว่าจะรู้ตัว ว่าจริงๆแล้วเราไม่ได้ชอบเรียนแบบนี้ ที่ทำไปเพราะกระแส ถึงตอนนั้นก็คงสายไปเสียแล้ว …
  • ความปลอดภัย
    อันนี้ผมว่ามีส่วนมากเลยนะ เพราะในสองสายนี้ สายอาชีพมักจะมีข่าวในด้านลบเยอะ ตีกันทุกวัน ยิง แทงกันตาย
    ซึ่งในสายตาพ่อแม่ มันโหดร้ายมาก เป็นห่วงลูก กลัวลูกตาย สุดท้ายผู้ปกครองบางท่านก็อาจทำเหมือนกรณีฐานะ
    ก็คือถถึงลูกอยากเรียนสายอาชีพขนาดไหน ก็ต้องพยายามบังคับให้ลูกเรียนสายสามัญ

– ระดับความต้องการในตลาดแรงงานระหว่างสายอาชีพ & สายสามัญ
อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้ตอนต้นเลยครับ ทุกสายทุกสาขาย่อมมีความต้องการในตลาดแรงงานในสายที่เราเรียนเราศึกษามาทั้งนั้น
อย่าลืมที่ผมเคยบอกนะครับว่า “ทุกสายทุกสาขาล้วนมีความสำคัญอยู่ในตัวมันเอง”

– คุณภาพ/ทักษะ/ความสามารถ สายอาชีพ & สายสามัญ
อย่างที่ผมเคยบอก (อีกแล้ว -_-“) “ทุกสายทุกสาขามีคุณภาพอยู่ในตัวมันเอง” อยู่ที่ว่าเราเรียนสายไหน และตัวเราเองมีความสามารถ มีศักยภาพอยู่ในตัวแค่ไหน
กับการนำไปศึกษา ต่อยอด หรือนำไปทำงาน

– เป้าหมายในการเรียน (เอาวุฒิ & ความรู้)
อันนี้อยากให้ทุกท่านลองคิดดูสักหน่อยครับว่า “ที่เราเรียนๆกันมาในสาย สาขาที่เราเรียนมาเนี่ย เรียนไปเพื่ออะไร
เรียนเพื่อเอาใบปริญญา เรียนเพื่อเอาความรู้และประสบการณ์ หรือเรียนเพื่อเอาทั้งความรู้ ประสบการณ์ และ ใบปริญญา ????
(จริงๆไม่ใช่อะไรหรอก ขี้เกียจพิมพ์และ เดี๋ยวพวกโลกสวยดราม่าเอา พิมพ์เนื้อหาไปรอบแล้ว แต่ลบทิ้งดีกว่า -_-“)

– สื่อ กับการเสนอข่าวต่อสายอาชีพ
หัวข้อนี้อยากปักหมุด+เน้น*ตัวหนา* ให้สื่อทั้งหลายอ่านจริงๆ
เด็กสายอาชีพน่ะ เวลาทำเรื่องดีๆ ไม่ค่อยจะลงข่าวกันหรอก ถึงลงก็ลงข่าวให้แม่งนิดเดียว หรือไม่ก็ไปลงข่าวหน้าด้านในๆหน้าท้ายๆ
สกุ๊ปเล็กๆ หรือสรุปข่าวเด็นประจำวัน บางทีแทบต้องไปจ้างให้สื่อมาทำข่าวให้กันเลยทีเดียวเชียว
แต่เรื่องแย่ๆตีกันแบบนี้ สื่อแม่งจมูกไวชิบหาย มาทำข่าวไวเป็นจรวด เผลอๆใจดีเอาขึ้นหน้าหนึ่งให้เลย
มิหนำซ้ำ บางที(หรืออาจทุกที)มีบริการใส่เสริมเติมแต่ง ใส่ไข่ให้ข่าวอีกด้วย (เขียนเว่อร์ๆไว้ จ่ะได้ขายข่าวได้) -_-”

– ทัศนคติต่อสายอาชีพ
อันนี้ก็อาจไปโยงกับแนวโน้มการศึกษาต่อ ด้านความปลอดภัย สักหน่อยนะ ก็คือเรื่องสื่อเรื่องภาพพจน์เนี่ย ทำให้สายอาชีพ
มักถูกมองในแง่ลบมากกว่าในด้านบวก ทั้งที่จริงแล้ว คนที่ทำเรื่องแย่ๆมีไม่มาก แต่เหมือนกับสุภาษิตที่ว่า “ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง”
โดยไม่ดูเลยว่า แท้จริงแล้ว คนสายอาชีพนั้น ได้ทำความเจริญให้กับประเทศชาติมากมายแค่ไหน .. .
อยากจะบอกว่า “สื่อ” เนี่ย ตัวสำคัญเลยนะ ต่อเรื่องภาพพจน์ ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็แล้วแต่ -_-”
//ให้ข่าวที่เป็นกลางหน่อยก็ดีนะครับ คุณพี่สื่อทั้งหลาย …

ใกล้จบแล้ววววววว! @เทคนิคอยุธยา

ใกล้วจบแล้วววววว! ดีใจจัง :D

ผ่านมา 3 ปีแล้ว ที่ผมได้เข้ามาเรียน เป็นนักเรียนของวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา หรือที่หลายๆคนเรียกว่า “เทคนิคกรุงเก่า” หรือ “เทคนิคพระนคร” รู้สึกภูมิใจมากครับ ที่ได้เป็นศิษย์สถาบันนี้

 ผมยังจำวันแรกได้ดีที่เข้ามาสมัครเรียนที่นี่ คุณนึกดูนะว่าตอนนั้นเด็กจนๆ เรียนก็ไม่ได้เก่งอย่างผม เกรดตอนนั้นแค่ 2.9 กว่าๆเอง สอบติดที่นี่ได้มันดีใจมากแค่ไหน  :)

จากเด็กขาสั้น ได้เปลี่ยนเป็นมาใส่ขายาว :D

สิ่งที่ผมดีใจและประทับใจมากที่สุดก็คือ  ดีใจที่ได้เข้าเรียนแผนกที่ผมฝันไว้ว่าอยากเข้า นั่นก็คือ “แผนกเทคนิคคอมพิวเตอร์” ซึ่งผมเป็นรุ่นที่ 2 เพราะเป็นแผนกเพิ่งเปิดใหม่
พูดได้เต็มปากว่า เด็กเทคนิคคอม เป็นแผนกที่เด็กดีสุดเลยก็ว่าได้(รึเปล่า่ 55) เพราะรุ่นพี่แต่ละคนน่ารักมาก ดูแลเอาใจใส่น้องๆ แต่ปัจจุบันก็เริ่ม….นิดนึง เพราะนักเรียนเริ่มเยอะขึ้นแล้ว ^^


ที่นี่ ทำห้ผมได้อะไรหลายๆอย่าง ทั้งด้านวิชาความรู้ ความกล้าแสดงออก ความอดทน (และคู่อริ เกี่ยวมั๊ย 55)

แต่ก็อย่างว่านะ เด็กช่าง ย่อมต้องเจอโดนต่อยโดนตีกระบาลบ้างเป็นธรรามดา 55 ผมก็เคยโดนนะ( บ่อยด้วย ==” ) มันเลยทำให้เรารู้วิธีหลบหลีก หัดสังเกตมากขึ้น (ไม่ค่อยเกี่ยว แต่มันก็เกี่ยวนะ #เอ๊ะ ยังไง 55  – -” )

สุดท้ายก็ขอขอบคุณครูอาจารย์ทุกท่าน ที่คอยอบรมสั่งสอนพวกผมทุกคนให้มีวิชาความรู้ และขออวยพรให้เพื่อนๆทุกคนได้ที่เรียนดีๆตามที่หวังและตั้งใจไว้ ได้เข้ามหาลัยที่ไฝ่ฝันไว้ให้ได้นะ ^^
และท้ายสุดจริงๆ พี่ๆขอให้น้องๆปี 1-2 ทุกคนตั้งใจเรียนนะ ขอให้จบกันทุกคน และอย่าทำให้อาจารย์เสียใจล่ะ  :)

รักเพื่อนๆทุกคนครับ  Love Friend <3  Forever


by : sornram9254

เทคนิคพระนครศรีอยุธยา : เทคนิคคอมพิวเตอร์ รุ่น 2

อาจารย์ vs นักศึกษาต่างสถาบัน

อาจารย์บางคนเดี๋ยวนี้ก็แปลกนะ ชอบหยิ่งกับศิษย์สถาบันอื่น ผมเองก็เคยเจอมาหลายคนและ เคยสอบถามเรื่อง programming กับอาจารย์บางท่าน(อ. สถาบันอื่น) ตอนแรกก็คุยดีๆ พอทราบว่าผมเรียนที่นั่นที่นี่ แกเลิกคุยเลย แถมพูดเหน็บแนมอีก -0-*

แต่มีอาจารย์อยู่ 2 ท่านที่ผมรัก และนับถือมาก ถึงแม้ผมจะเป็นศิษย์คนละสถาบัน แต่ท่านก็ไม่เคยเกลียดหรือดูถูกอะไรผมเลย
– อ.นิมิตร เป็นอาจารย์สอนอยู่ ต่อเรือ เคยไปเรียนพิเศษกับท่าน ท่านก็สอนดีทำให้ผมจากที่โง่คณิตมาก ก็เริ่มคล่องขึ้นมานิดนึง :)
– อ.ตี้ (มั้ง ไม่รู้จักชื่อเล่น อ. ^^) เป็นอาจารย์สอนอยู่ พาณิชย์นอก ผมเคยสอบถามเรื่องเกี่ยวกับ Graphic ต่างๆ บางครั้งปรึกษาเรื่องส่วนตัวด้วย ท่านก็ให้คำแนะนำที่ดีกับผมเสมอ แม้เป็นศิษย์ต่างสถาบันก็ตาม ^^

ความจริงแล้ว ผมว่านะ มันไม่มีเส้นกั้นระหว่าง ศิษย์ กับ อาจารย์ ต่างสถาบันเลย
ถึงแม้จะอยู่คนละสถาบันกันก็ตาม ก็ถือว่าเป็น ศิษย์ เป็น อาจารย์กันได้ ^^

มาตรฐาน ครู อาจารย์ สมัยใหม่

อีกเรื่องที่อยากจะพูดก็คือ “มาตรฐาน ครู อาจารย์ สมัยใหม่”

ใครเคยสังเกตบ้างครับว่า “ครู อาจารย์” สมัยนี้ บางท่านเรียนมาเพื่อเอา “วุฒิ” จริงๆ แต่ไม่มีความสามารถในการ “สอน” ให้ศิษย์ เข้าใจได้เลย อธิบายง่ายๆก็คือ “เรียนมาอย่างไร ก็สอนออกไปแบบนั้น” ไม่มีการยืดหยุ่นเนื้อหาอะไรทั้งนั้น ไม่สนใจว่าศิษย์จะเข้าใจหรือเปล่า ไม่เคยถามอะไรทั้งนั้น…

และอาจารย์บางพวกก็ขี้เกียจจนเกินเหต ไม่เคยมีการสอนเลย สั่งแต่ให้ศิษย์ค้นหาข้อมูลกันเอง ค้นกันเข้าไปทุกคาบ ทุกอาทิตย์ ทุกเทอม แต่ไม่เคยสอนลูกศิษย์เลย แล้วแบบนี้เด็กมันจะมีความรู้ที่ถูกต้องได้อย่างไร ?

คิดหรอว่าการที่ให้ศิษย์หางานหาข้อมูลกันเอง มันจะทำกันทุกคน ? ส่วนมากมันก็ลอกๆกัน เสร็จแล้วส่ง ไม่มีการอ่าน แบบนี้เด็กมันจะมีความรู้ได้อย่างไร ?

แต่ถ้าอาจารย์มีการสอนบ้าง อย่างน้อยข้อมูลที่ท่านสอนก็ยังผ่านหูลูกศิษย์บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ ^^

ประสบการณ์การฝึกงาน ณ. มจพ

โดยปรกติแล้ว นักศึกษาที่เรียนสายอาชีวะ จะต้องมีการฝึกงาน ส่วนระยะเวลาการฝึกก็แล้วแต่ละสถาศึกษา
โดยกำหนดการฝึกงานก็ 5 เดือน (เอาเข้าจริง ผมย้ายมารอตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้วครับ มาหางานทำไปพลางๆก่อน ฮ่าๆ)
ขณะนั้นผมศึกษาอยู่ สาขาวิชาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สาขางานเทคนิคคอมพิวเตอร์ แผนกช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา” ซึ่งเป็นสาขาที่แยกตัวออกมาจากแผนกอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นการเรียนก็จะคล้ายๆสาขาไฟฟ้า+อิเล็กทรอนิกส์
และก็ตามปรกติของนักศึกษา ช่วงก่อนฝึกงาน สิ่งที่เครียดกันมากที่สุดก็คือ .. “การหาที่ฝึกงาน” (,__,  )
เพราะกว่าจะได้ที่ฝึกงาน เราก็ต้องเสนอที่ฝึกงานแก่อาจารย์ที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องฝึกงานให้เขาตัดสินใจก่อน
ว่าที่นั้นเหมาะหรือเปล่า งานที่ทำเกี่ยวข้องกับสาขาที่เราเรียนหรือเปล่า บางคนกว่าจะหาที่ฝึกงานได้ ก็แทบแย่ 😞
เพื่อนๆผมส่วนมากก็ฝึกงานแถวๆบ้านบ้าง ศูนย์การค้าอยุธยาพาร์คบ้าง ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตบ้าง หรือไม่ก็เซียรรังสิต
ส่วนผม … ไปฝึกซะไกลเลย 😂 ผมได้ไปฝึกงานที่ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาพระนครเหนือ” จากคำแนะนำของรุ่นพี่ผมคนหนึ่ง แต่กว่าจะได้ไปฝึกก็ใช่ว่าจะไปได้ง่ายๆนะ 5555
คนที่เป็นธุระเรื่องฝึกงานให้ เป็น อ.สถาบันอาชีวะแห่งหนึ่งในอยุธยานี่แหละ และเป็นศิษย์เก่า คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มจพ. อีกด้วย รู้สึก อ. ท่านจบครุศาสตร์ฯวิศวกรรมเครื่องกลมา(มั้ง)นะ 😶
ก่อนได้มาฝึกงาน อ. ท่านจะให้ไปเรียนพิเศษกับท่านก่อน เป็นวิชาคณิต ให้ชีทมาเล่มนึง ให้ทำให้หมดเล่ม ถ้าไม่หมดเล่ม ก็อดไปฝึกงาน T____T
ไปเรียนกับ อ. แกวันแรก แทบอยากจะเขวี้ยงชีททิ้ง 😂 อะไรก็ไม่รู้ มึนตึ๊บ 5555 แต่ท้ายแล้วผมก็ผ่านมาได้ 😁

เมื่อผมได้มาฝึกงานที่นี่ มันทำให้ผมต้องปรับตัวเองในหลายๆอย่างเมื่อไปอยู่ที่นั่น เพราะต้องย้ายไปอยู่ที่ กทม. เนื่องจากถ้าผมนั่นไปกลับ อยุธยา-กทม. ค่ารถแพงมาก รายจ่ายก็ประมาณนี้

ค่ารรถ จาก อยุธยา(นครหลวง) – อนุสาวรีย์ชัยฯ – 100บ.
ค่ารถ ปอ.97(อนุสาวรีย์ชัย) – มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาพระนครเหนือ – 10บ.(ตอนนี้ 13บ.แล้ว)
ค่าอาหาร – 30บ.

รวมทั้งสิ้นไปกลับวันนึงก็ (100×2)+(10×2)+30 = 250 =.=”

แต่ก็มีคนแนะนำว่า “ทำไมไม่นั่งรถไฟไปล่ะมึงเอ๊ยย!” ความจริงก็อยากอยู่หรอกครับ แต่รถแถวย้านผมน่ะสิ รถอยุธยา-ท่าเรือ(ดงหวาย) รอนานมว๊ากกก –* แค่คันแรกก็ไม่ทันแล้วครับ คันแรก 7 โมง ถึงตัวเมืองอยุธยาก็เกือบ 8 โมง และกว่าจะไป กทม อีก .. .
ผมเลยตัดสินใจไปเช่าหออยู่ ได้แถวบางโพ ซ.ประชานฤมิตร(กรุงเทพฯ-นนท์ 5) หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ถนนสายไม้” ค่าหอแค่ 1500 รวมค่าเน็ต ค่ากิน ค่ารถฯลฯ ทั้งหมดก็ตกแค่เดือนละไม่เกิน 3,000 แต่ถ้าผมอยู่อยุธยาและนั่งรถไปกลับ
เฉลี่ยตกเดือนละ 250×22= 5,500บ. *0*

ไปอยู่ไม่นานก็ได้เรื่องเลย 55 เนื่องจากซอยที่ผมไปอยู่ ช่วงหน้าซอยมี 7-11 อยู่ ช่วงที่ผมกลับจากการฝึกงาน บังเอิ๊นไปเดินชนสาวอาชีวะคนนึง เพราะแกเล่นยืนเต็มทางเดินเลย พยายามหลบแต่ก็ไม่พ้น 😂
แต่ก็ได้ยินเสียงด่าตามหลังมา เป็นเสียงผู้ชาย เหมือนว่าจะโดนด่าแฮะ (,__,  ) แต่วันรุ่งขึ้นก็มีแก๊งค์วัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์มาหาเรื่อง ผมไม่รู้นะว่าเป็นพวกเดียวกับไอ้คนเมื่อวา่นที่เดินไปชนแฟนมันหรือเปล่า
ไปอาทิตย์แรกก็โดนไล่ตีซะและ 55 แต่ซอยผมอยู่ไกล้ครับ ห่างจากเซเว่นไม่ไกล เลยหนีทัน -_-” แล้วมันก็ตามหลอกหลอนอยู่นาน จนมารู้ว่า เป็นนักศึกษาของสถาบันอาชีวะแห่งหนึ่งแถวๆพระราม 7 นี่แหละ เลยได้อริโดยไม่ได้ตั้งใจ 😂

อยู่ที่นั่นก็เฉียดตายหลายรอบมาก ยิ่งบางวันฝนตกหนัก ไม่มีเสื้อขาวใส่ก็ต้องใส่เสื้อช็อป(ปรกติเด็กสายช่างเวลาฝึกงานก็ใส่ช็อปกันเป็นปรกติ)
ถ้ายังจำกันได้ ที่มีข่าวนักศึกษาสถาบันหนึ่ง ที่ไปรุมทำร้ายสถาบันอริ ที่เอาหินไปรุมปารถเมย์ วันนั้นไปซื้อของ ก็ไม่รู้ว่ารถมันติดอะไร แต่ดันใส่เสื้อช็อปไปเนี่ยสิ (,__,  )
ตั้งแต่นั้นผมเลยต้องมีอาวุธติดตัวไว้ตลอด ปรกติพกแค่คัตเตอร์(จริงๆไม่ได้เอาไว้ทำอะไรใครหรอก ไว้เหลาดินสอเฉยๆ 555 คือเป็นคนไม่ใช้กบเหลาดินสอมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว)และก็มีกระบองเหล็กยืดหดอีกอัน เอาไว้ป้องกันตัวยามฉุกเฉิน

ถ้าพูดถึงเรื่องรถโดยสารต่างๆ ต้องยอมรับเลยว่า รถ ปอ. ยูโรทู (หรือรถอะไรก็ตามแต่ที่ติดแอร์) มารยาทในการขับรถข้อนข้างดี ผิดกับรถแดง ที่มันขับแบบ .. บางคันเหมือนพาไปตายอ่ะ ยิ่งรถฟรียิ่งแล้ว 😂 (ตอนนี้ยูโรทูสาย 97 เลิกวิ่งไปแล้ว)

ฝึกงานที่นู่นผมมักจะเจอพี่ๆที่เรียนที่นั่นบ่อยมาก การทำงานบางครั้งก็ต้องทำในขณะที่พี่ๆเขาเรียนอยู่ แต่ก็ดีอย่าง เพราะบางที่ พอทำงานเสร็จ ผมก็นั่งฟังนั่งเรียนไปกับพี่ๆเขาด้วยเลย รู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง 5555555
และมีพี่ๆบางคน ชอบมาแซวผมอยู่เรื่อยเลย แรกๆก็ไม่ชอบนะ นานๆไปมันก็ชินและ พี่แกจะแซวไรก็ปล่อยแกไปเห๊อะ 555555

การฝึกงานที่ มจพ. ส่วนมากก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็ซ่อมคอมฯ เดินสาย Lan แล้วก็ช่วยงานพี่ๆที่คณะแค่นั้น แต่ที่มันหนักก็เป็นงานที่ 7-11 นี่แหละครับ ลำพังแค่ฝึกงานอย่างเดียว หรือทำ 7-11 อย่างเดียวมันไม่เท่าไหร่หรอกครับ
แต่ทำสองอย่างเลยนี่สิ เฮ้อ 😂 มันก็ค่อนข้างเหนื่อยพอควร เพราะเลิกฝึกงานก็ 2 ทุ่ม (เเลิกงาน 5 โมง ทำโอต่อยัน 2 ทุ่ม) และก็ไปทำ 7-11 ต่อ ยัน 22.00น. ช่วงที่พนักงานน้อยๆต้องทำยัง 00.00น. แต่ปรกติของ 7-11 ถ้าทำงานที่เรารับผิดชอบไม่เสร็จ ก็ต้องทำต่อให้เสร็จ บางวันลากยาวยันตี 1-2 T___T

การทำงาน 7-11 ได้ให้อะไรผมหลายๆอย่าง ที่สำคัญที่สุดก็คือ “เพื่อน” เพราะไปอยู่ที่นั่นแทบไม่มีเพื่อนเลย จะมีก็แค่เพื่อนช่างกลโรงงานที่ไปฝึกที่เดียวกัน และเพื่อนที่นนท์ เรียนอยู่พณิชยการสยาม แต่ก็ไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่ แต่ยังได้เจอกันบ้าง ส่วนเพื่อนที่วิทยาลัยไม่ได้เจอกันเลยจนกว่าจะฝึกงานเสร็จ (,__,  )
แต่การทำงาน 7-11 ก็ทำให้ผมมีความอดทน ตรงต่อเวลา(แต่ก็เข้างานสายอยู่บ่อยๆ 55)

อยู่ไปสักพักผมก็ได้แฟนมาคนนึงนะ มีเด็กมาสมัครงานใหม่ที่ 7-11 ที่ผมทำอยู่ ตอนที่ผมเลิกงาน ระหว่างเดินกลับหอ ก็มีคนตามมา (ในใจนึกว่าไอ้เด็กกลุ่มนั้นมันตามมารังควานกูอีกแล้วไงฟะ 5555) แต่ผิดคลาดครับ กลายเป็นเด็กเซเว่นคนนั้น 😶 เข้ามาจีบและขอเบอร์ผมซะงั้น #ผมนี้งงไปเลย
แต่ว่าคบกันได้ไม่นาน ด้วยการที่ผมเป็นคนที่ไม่เหมือนชาวบ้าน คือถ้าคนที่เราคบเราไม่ได้เป็นคนจีบ มันจะไม่ค่อยมีความผูกพันธ์กันเท่าไหร่ และเขาคงไม่ใช่แน่ๆ อีกอย่างดูๆแล้วก็คงร้ายพอตัว เลยถอยดีกว่า (สรุปตอนเลิกกันแม่งร้ายจริงๆ จะร้องไห้ อิเลว😭)
แต่ก่อนหน้านั้นแฟนเก่าผมก็ขอคืนดี ก็เลยทำให้ถอยออกห่างได้ง่ายขึ้น : D

มาเครียดอีกทีก็ตอนฝึกงานเสร็จครบ 5 เดือนนี่สิครับ เพราะตอนให้คะแนนการฝึกงาน พี่ที่เป็นคนคุมฝึกงานผมดัน ให้คะแนนไม่ได้! งานเข้าล่ะสิทีนี้ 5555 สรุปแล้วต้องให้อาจารย์ที่คณะเป็นคนให้คะแนน
แต่ว่าอาจารย์คนที่ให้คะแนน วันๆนึงแทบไม่เคยเจอผมเลย ผิดกับพี่ๆที่คุมฝึกงานผมที่อยู่ด้วยกันตลอด คะแนนฝึกงานออกมาเลย “ต่ำมากกกกก” อยากจะร้องให้ 😂 เอ๊ะ จริงๆไม่ใช่แค่อยากสิ เพราะวันที่เอาสมุดฝึกงานไปให้ อ. เซน ได้ไปปล่อยโฮที่หน้าห้องภาคไปแล้ว ก็มันกดดันนี่หว่า 5555

ก่อนย้ายกลับอยุธยาก็ได้อริเพิ่มอีก 1 😂 เป็นนักศึกษาอาชีวะแห่งหนึ่งแถวดุสิต วันที่ใส่ช็อปพอดี วันนั้นนั่งรถไปไหนสักที่นี่แหละ ผมก็จำไม่ได้แล้ว มันมาพูดจาแบบดูถูกวิทยาลัยที่ผมเรียน ก็ไม่คิดไรมาก ทำไรไม่ได้เพราะมันมาเยอะ 55 พอจะลงจากรถ ทำเอาท่อแป๊บหรือไม้ก็ไม่รู้ ทำมาเคาะๆราวจับตรงทางลงรถ 🙄
ตอนแรกก็งงว่ารู้ได้ไงว่าผมเรียน วท.อย. เพิ่งมาอ๋อทีหลัง ปรกติผมพกสมุดของวิทยาลัยไว้จดอะไรเรื่อยเปื่อย มันคงเห็นจากสมุดแหละมั้ง
แต่หลังจากกลับมาอยุธยาแล้ว ก็มีคนมาด่ามารังควานใน Facebook ผมอีก คนเดียวกับไอ้คนนั้นเปล่าไม่รู้ 5555 มาด่าประมาณวิทยาลัยมึงกาก 🙄

รวมระยะเวลาตั้งแต่ย้ายมาที่นี่ก็ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงกลางเดือนตุลาคมกันเลยทีเดียว
สิ่งที่ได้จากการไปฝึกงานครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ “ได้ทำงานในสถานที่จริง” เพียงเท่านั้น แต่ว่า ยังได้ทั้ง “มิตรภาพ” และ “ประสบการณ์”
สุดท้ายนี้ผมก็ขอขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆที่ฝึกงาน และที่ 7-11 ทุกคนนะครับ สำหรับทุกๆอย่าง :)

ฮือฮา! ญี่ปุ่นโหวตชุดนักเรียนไทยเซ็กซี่ที่สุด

ทราบกันดีว่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นดินแดนแห่งแฟชั่นที่ล้ำเทรนด์สุด ๆ มาทุกยุคทุกสมัย แม้แต่ชุดนักเรียนที่นักเรียนสาวญี่ปุ่นสวมใส่ ก็ยังดูน่ารักสมวัยแฝงด้วยแฟชั่นนิดๆ เหมือนกัน แต่มีเรื่องที่ไม่ น่าเชื่อเกิดขึ้น เมื่อบรรดาสื่อญี่ปุ่นกลับโหวตให้ชุดนักเรียนของไทยเป็นชุดนักเรียนที่เซ็ก ซี่ที่สุดมากกว่าชุดนักเรียนของประเทศญี่ปุ่นเองเสียอีก

โดย หนังสือพิมพ์หลายฉบับของญี่ปุ่น ได้รายงานข่าวว่า จากผลการสำรวจประเมินเครื่องแบบนักเรียน ส่วนใหญ่ยกให้เครื่องแบบชุดนักเรียนของประเทศไทยเป็น เครื่องแบบนักเรียนที่ เซ็กซี่ที่สุด ดังที่เห็นจากนักศึกษาหญิงบางคนใส่เสื้อเชิ้ตรัดติ้ว มองเห็นสัดส่วน ส่วนเว้า ส่วนโค้งของร่างกายอย่างชัดเจน แถมสาวบางคนยังใส่กระโปรงสั้นจุ๊ด มีความยาวไม่ถึงหนึ่งคืบเสียด้วยซ้ำ

ไทย ครองอันดับ ‘เครื่องแบบนักเรียนที่เซ็กซี่ที่สุด’ จากการสำรวจของสื่อญี่ปุ่น

ชาวเน็ตแสดงปฏิกิริยาตอบรับอย่างร้อนแรงเกี่ยวกับเครื่องแบบนักเรียนของไทย

สื่อ ของญี่ปุ่นหลายๆ ฉบับ ต่างกล่าวว่า เครื่องแบบนักเรียนเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องได้รับการประเมิน เนื่องจากเครื่องแบบนักเรียนก็กลายมาเป็นหนึ่งในแฟชั่นอีกประเภทเช่นกัน โดยได้จัดทำการสำรวจขึ้น ซึ่งผลการสำรวจ สื่อญี่ปุ่นได้ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 21 มกราคม ว่า เครื่องแบบนักเรียนของไทย เป็นเครื่องแบบนักเรียนที่เซ็กซี่ที่สุด เพราะส่วนของเสื้อเชิ้ตจะโชว์ให้เห็นถึงสัดส่วนของร่างกาย ส่วนกระโปรงก็สั้นมาก โดยมีความยาวไม่ถึง 20 เซนติเมตร

หลังจากมีผลการสำรวจชิ้นนี้ออกมา บรรดาชาวไซเบอร์ของญี่ปุ่นต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ชุดเค รื่องแบบนักเรียนของไทย บ้างก็ว่าชุดสั้นเกินไป รัดเกินไป ไม่น่าจะเป็นเครื่องแบบนักเรียนได้ อีกส่วนก็มองว่า การใส่ชุดรัด ๆ สั้น ๆ แบบนี้ อาจทำให้คดีข่มขืน หรืออาชญากรรมความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้นได้ ขณะที่บางคนก็ออกมาแย้งว่า ชุดที่เห็นเป็นชุดนักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่ใช่เครื่องแบบของนักเรียน นอกจากนี้ยังมีคนวิจารณ์ด้วยว่า โชคดีที่ไม่เกิดในประเทศไทย เพราะไม่อยากใส่ชุดแบบนี้นั่นเอง

เมื่อบทความ นี้ถูกเผยแพร่ออกมา ชาวเน็ตเกาหลีกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า

“ประเทศเราก็เปลี่ยนมั่งเถอะ”,

“นี่เป็นจุดเปลี่ยนทัศนคติของฉันเกี่ยวกับประเทศไทยเลยนะนี่”,

“ประเทศเราก็รีบนำเข้ามาเร็วๆ เถอะ”

ต่างกล่าวต้อนรับเครื่องแบบนักเรียนของไทย

แต่ในขณะเดียวกัน ชาวเน็ตส่วนใหญ่กลับแสดงปฏิกิริยาไม่เห็นด้วย อาทิ

“มันรัดเกินไปนะ”,

“นั่นเครื่องแบบนักเรียนเหรอ มันจะไม่ทำให้เกิดอาชญากรรมความรุนแรงทางเพศขึ้นเหรอ”,

“รู้สึกว่านั่นจะเป็นความหมายที่ต้องการสื่อแบบผิดๆนะ จริงๆแล้ว ชุดนั้นเป็นเครื่องแบบของนักศึกษาไทย ไม่ใช่เครื่องแบบของนักเรียน”,

“ประมาณ 70% ของนักเรียนคงรู้สึกอยากจะสวมชุดนั้นน่ะนะ”

อนึ่ง ชาวเน็ตเพศหญิงกล่าวว่า

“โชคดีจังที่ไม่ได้เกิดที่ประเทศไทย”,

“ถ้าฉันใส่ชุดนั้น คงจะถูกว่าว่าไม่น่าดู แล้วไม่รู้ว่าจะถูกไล่ออกไปรึเปล่า”

 

ที่มา :

http://education.kapook.com/view20884.html
http://www.unigang.com/Article/5750
http://www.oknation.net/blog/sigree/2011/01/24/entry-2
http://www.thaibiohazard.com/forum/viewtopic.php?t=16779321